เหรียญพรหมวิหารธรรม หลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค จังหวัดนครสวรรค์ ปี 2518 No. 0330

หลวงปู่สี ฉันทสิริแห่งวัดเขาถ้ำบุนนาค นครสวรรค์ "พระอรหันต์ ๗ แผ่นดิน "
ผู้เพียบพร้อมด้วยบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์มากมายเป็นศิษย์สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) เป็นสหธรรมิกรุ่นน้องของหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ, หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า (ทั้งสามท่านเคยธุดงค์ไปกราบพระเจดีย์ชเวดากองถึงเมืองพม่าด้วยกัน)
อีกทั้งหลวงปู่สีนี้ ก็ยังเป็น"อาจารย์"ของ
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง ก่อนที่จะได้มาเป็นศิษย์ท่านพระอาจารย์มั่นอีกด้วย
แม้สุดยอดพระอรหันต์อย่างหลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข ที่หลวงปู่สิมยกย่องนักหนาว่า "แก่ทั้งอายุ แก่ทั้งพรรษา แก่ทั้งมรรคผลนิพพาน" ยังต้องไปกราบนมัสการอุปัฏฐาก และตำหมากถวายหลวงปู่สีเลย
และนี่ยังไม่นับกับการที่หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ที่ทราบถึงคุณธรรมอันเยี่ยมยอดของหลวงปู่สีโดยญาณสมาบัติ ถึงกับสั่งให้ศิษย์ไปขออนุญาติสร้างเหรียญหลวงปู่สีถึง 2 รุ่น คือเหรียญรุ่นจตุรพิธพรชัย วัดรัตนชัย และเหรียญรุ่นพรหมวิหาร
โดยเฉพาะเหรียญพรหมวิหารนี้ หลวงปู่ดู่ได้เร่งศิษย์(นายเรียน นุ่มดี)อย่างผิดสังเกตุเป็นที่สุดว่า
"ให้เร่งไปขอท่านทำเถิด เวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว..!!!"
เหรียญพรหมวิหารนี้ เลยเป็นเหรียญที่สร้างก่อนหลวงปู่สีมรณภาพเพียงไม่กี่เดือน
และนับเป็นเหรียญที่หลวงปู่สีเสกนานที่สุดถึง "ไตรมาส"หรือ "3 เดือน" อันถือว่าเสกนานเป็นประวัติการณ์ (ในขณะที่รุ่นอื่นๆบางรุ่น ท่านเอามือซาวๆ คนๆเหรียญ 2-3ที ก็เสร็จแล้ว) จัดเป็นเหรียญที่ "ดีที่สุด" และ "บริสุทธิ์ที่สุด" ของหลวงปู่สี ที่เกิดจากเจตนาของหลวงปู่ดู่ วัดสะแกเองด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าที่สุด (แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่หลายๆคนมองข้ามสุดยอดเหรียญ ของสุดยอดพระอริยเจ้าระดับสูงสุดรุ่นนี้ไปอย่างหน้าตาเฉย) ก็เลยเป็นโชคดีที่เราท่านทั้งหลายสามารถที่จะหาบูชาเหรียญพรหมวิหาร รุ่นนี้ได้อย่างสบายใจ

ประวัติการสร้าง หลังจากเหรียญจตุรพิธพรชัย ที่นายเรียน นุ่มดี ที่ได้จัดสร้างนั้นต่อมา หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ท่านก็เกิดความเลื่อมใส ศรัทธา ในหลวงปู่สี จึงได้ไปปรึกษา กับนายเรียน ว่าจะให้จัดสร้างเหรียญขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่งในนานของหลวงปู่สี จึงได้ให้นายเรียน ไปขออนุญาต หลวงปู่สี จัดสร้างเหรียญพรหมวิหารธรรม ขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่ง หลวงปู่สีท่านก็อนุญาตให้จัดสร้างได้ ในปี ๒๕๑๘

ในการปลุกเสกพระเครื่องหรือวัตถุมงคล เวลาที่มีคนมาขอให้ท่านเสกนั้น ท่านก็มักจะตอบว่า ”ของขลังไม่มี หนังสือไม่เคยเรียน บ่รู้จักหรอก” ซึ่งท่านก็จะแค่เปา หรือเอามือ กว้านไปมา ๑- ๓ ที่ หรือไม่ก็เอาวัตถุมงคล ไปไว้ที่กุฏิของท่าน ท่านก็จะนั่งสวดมนต์ไปเรื่อยๆ ไม่มีบทคาถาปลุกเสกวัตถุมงคลโดยเฉพาะ เป็นเวลา ๑-๓ วันหรือมากกว่านั้น แล้วจึงออกให้บูชา ซึ่งอาจจะเรียก การปลุกเสกพระของหลวงปู่สี ว่าการอธิฐานจิต ก็น่าจะใช่ครับ แบบเดี่ยวกับ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ท่านเจ้าคุณนรฯ เป็นต้น..
ส่วนเหรียญพรหมวิหารธรรมนั้น หลวงปู่ท่านก็นำเก็บไว้ที่ กุฏิของท่าน แล้วท่านก็นั่งสวดมนต์ไปเรื่อยๆ เป็นเวลา ๓ เดือนตลอดพรรษาครับ นับได้ว่าเหรียญรุ่นนี้ได้รับการ อธิฐานจิตจากหลวงปู่นานที่สุดครับ

ลักษณะของเหรียญ เป็นเหรียญกลมขนาด ๒.๔ ซม. ตรงลำคอของหลวงปู่ ได้มีการตอกโค้ดตัว ”ส” เป็นอักษรขอม และเมือจัดสร้างเสร็จ ได้ทำลายแม่พิมพ์ทิ้งด้วยครับ

ตามหนังสือบอกว่า จัดสร้าง ๕,๐๐๐ เหรียญ มีเนื้อทองแดงอย่างเดี่ยว แต่ความจริงแล้ว นายเรียน ได้จัดสร้างเหรียญ เนื้อเงินด้วยครับ จำนวนสร้างไม่แน่ชัด แต่น่าจะมีน้อย พิเศษอีกอย่างคือ เหรียญเนื้อเงิน ได้มีรอยจาร หลวงปู่ดู่ วัดสะแกด้วยครับ เหตุผมที่หนังสือบอกว่ามีเนื้อทองแดงอย่างเดียว ก็เพราะว่าเหรียญเนื้อเงิน ไม่ได้ออกบูชาที่วัด แต่ด้มีการถวายเหรียญรุ่นนี้ เนื้อทองแดง ให้แก่วัดเขาถ้ำบุญนาค จำนวนประมาณ ๕,๐๐๐ เหรียญครับ ..



จริง ๆ แล้ว รุ่นนี้ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ท่านสั่งให้สร้างถวายล.ป.สี เขาถ้ำ..เป็นการด่วน เมื่อปี ๒๕๑๘
จำนวน ๓๕,๙๙๙ เหรียญ (ข้อมูลนี้จากผู้สร้าง รวมทั้งมีเอกสารการจัดสร้างยืนยันชัดเจนครับ)
ดังนั้นบล๊อคต้องมี "ไม่น้อยกว่าหนึ่งอัน" แน่นอน ลองส่องดูแยกได้ ๓ พิมพ์ กับอีก ๑ พิมพ์พิเศษ สุดหายากครับ รวม ๔ พิมพ์ ดังนี้

-พิมพ์ที่ ๑ บล็อคเนื้อเงิน ด้านหน้า..ตัว"ท"เหมือนตัว "ห" และสระ "อา"คำว่า อายุมี " จุดอยู่ ๑ จุด " ส่วนด้านหลังหูด้านบน "มีขอบเหรียญ ๒ ชั้น" (มีขีดเพิ่มลางๆ) และ " ปลายหางตัวหนังสือจะมีความคมวิ่งชนกระจายรอบเหรียญ "

-พิมพ์ที่ ๒ บล็อคธรรมดา ด้านหน้า..สระอา คำว่าอายุไม่มีจุด และด้านหลังหูเหรียญก็ไม่มีขีดขอบภายใน

-พิมพ์ที่ ๓ บล็อค ส มีขีด ด้านหน้า " มีเส้นวิ่งเล็กคม ที่ ส ยาวมาถึงหางตาขวาหลวงปู่สี "..สระอา คำว่าอายุมีขีดๆหลายขีด และด้านหลังที่หูเหรียญไม่มีขีดขอบภาย
-พิมพ์ที่ ๔ บล็อคสมีขีดหลังบล็อคเนื้อเงิน มีเส้นวิ่งเล็กคม ที่ ส ยาวมาถึงหางตาขวาหลวงปู่สี ด้านหน้า..สระอา คำว่าอายุมีขีดๆหลายขีด
ส่วนด้านหลังหูด้านบน"มีขอบเหรียญ ๒ ชั้น"(มีขีดเพิ่มลางๆ) และปลายหางตัวหนังสือจะมีความคมวิ่งชนกระจายรอบเหรียญ


เหรียญพรหมวิหารธรรม หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค ปี พ.ศ. 2518 จำนวนการสร้าง 5,000 เหรียญ
มีด้วยกัน 2 เนื้อ คือ เนื้อเงิน และ เนื้อทองแดง
ด้านหน้าเหรียญบริเวณลำคอด้านซ้าย ทั้ง 2 เนื้อ มีการตอกโค้ตอักษรขอม อ่านว่า ส ไว้ด้วย

เท่าที่พบ มีด้วยกันทั้งหมด 4 พิมพ์ เรียงตามลำดับความนิยม คือ

1. พิมพ์ธรรมดา

2. พิมพ์ ส มีขีด

3. พิมพ์บล็อคเนื้อเงิน ( มี 1 ใน 100 เหรียญ )

4. พิมพ์พิเศษ หน้าบล็อค ส มีขีด หลัง บล็อคเนื้อเงิน ( มี 1 ใน 500 เหรียญ )


เหรียญพรหมวิหารธรรม บล็อคธรรมดา

จุดสังเกตบล็อกธรรมดา ด้านหน้า เส้นเหนือไหปลาร้าด้านขวาหลวงปู่ เป็นเส้นแตก มีรอยแยก ด้านหลัง ตรงคำว่าธรรม มีเส้นแตก 2 แบบ คือ
เป็นรูปตัววาย และไม่เป็นรูปตัว วาย



เหรียญพรหมวิหารธรรม ส มีขีด

 จุดสังเกต บล็อก ส มีขีด ด้านหน้า ตรงชื่อคำว่า “ สี ” มีเส้นแตกบาง ๆ จากหางตัว ส วิ่งเข้าตาขวาหลวงปู่ ด้านบนตรง น มีเส้นหนากว่าอีกหนึ่งเส้น
ส่วนตรงคำว่าอายุ จะมีเส้นแตกบาง ๆ หลาย เส้น วิ่งผ่านคำว่าอายุ ไปจนถึง เลข ๑ เส้นเหนือไหปลาร้าหลวงปู่ไม่เป็นเส้นแตก ด้านหลังจะเป็นเส้นรัศมี
แผ่ออกโดย


เหรียญพรหมวิหารธรรม บล็อคเนื้อเงิน

 จุดสังเกต บล็อก เนื้อเงิน ด้านหน้าจะเหมือนบล็อกธรรมดา แต่ต่างกันตรงที่ ตัว ท ตรงฉายาหลวงปู่ หัว ท จะแตกออกคล้าย ห บางคนเรียกพิมพ์
ท เหมือน ห และตรงคำว่า อายุ ชิดกับตัว า ด้านใน มีจุดเล็ก ๆ 1 จุด เส้นเหนือไหปลาร้าหลวงปู่ไม่แตก ส่วนด้านหลัง ใต้หูเหรียญลงมา จะมีเส้นคล้าย
ขอบเหรียญ พาดลงมาถึง ขอบวงกลมในเหรียญ เห็นได้ชัดเจน มีเส้นรัศมีโดยรอบเหรียญ


เหรียญพรหมวิหารธรรม บล็อกพิเศษ ( มีน้อย หายาก )

จุดสังเกต บล็อกพิเศษนี้ ด้านหน้าเหรียญ จะเหมือนกับบล็อก ส มีขีด ส่วนด้านหลัง จะเหมือนกับบล็อกเนื้อเงิน สร้างน้อยมาก พบได้ 1 ใน 500 เหรียญ
และเป็นบล็อกที่ปลอมออกมาเยอะมากเช่นกัน ให้ดูที่จุดตายที่แจ้งไว้ข้างต้นครับ


เปรียบเทียบระหว่าง หูเหรียญพิมพ์อื่น ๆ กับพิมพ์ บล็อกเนื้อเงิน จุดสังเกตที่ควรดูของหูเหรียญ คือ เหรียญจะถูกปั๊มจากด้านหน้ามาด้านหลัง ดังนั้น
ขอบหูเหรียญจะมีเนื้อเกินตั้งเป็นขอบสูงขึ้นมาเสมอ และบริเวณ 11 นาฬิกาของหูเหรียญ จะเป็นรอยคล้ายเล็บจิก ลึกลงไปเห็นได้ชัด เป็นเหมือนกันทุกพิมพ์
แต่สำหรับบล็อกเนื้อเงิน จะพิเศษตรงที่ มีรอยขีดเหมือนขอบเหรียญเพิ่มขึ้นมา


จุดนี้เป็นจุดตาย ชี้ขาดไปเลยว่าแท้ หรือเก๊ ซึ่งของเก๊ยังทำไม่ได้ จุดแรกให้ดูที่ขอบเหรียญ ลักษณะของรอยตัด จะต้องขาดครึ่งคือเป็นรอยตัดส่วนหนึ่ง
และอีกส่วนหนึ่งเป็นรอยแตกออก สาเหตุหนึ่งอาจมาจากกำลังของเครื่องตัดสมัยนั้นไม่เพียงพอ ถ้าของเก๊ กำลังเครื่องตัดเยอะ ตัดทีเดียวขาด เป็นเส้นยาวลาก
ตลอดเหรียญ จะไม่มีรอยแตกแบบของแท้ ดังนั้น หากเจอขอบที่ลากยาวตลอด ก็ให้หลีกให้ไกลครับ

จุดที่สอง ที่ชี้เป็นชี้ตายได้เลย เพราะของเก๊ยังทำไม่ได้ ในวงข้างบน เป็นเส้นแตกบาง ๆ พาดเข้าไปถึงในตัวอักขระข้างใน บางเหรียญ
บางมากจนแทบสังเกตไม่เห็น แต่ต้องมีครับ และที่ขาดไม่ได้เลยในทุกเหรียญ คือจุดในวงข้างล่างครับ ลักษณะเป็นเหมือนลูกยุง มีหัวใหญ่ มีหางบาง ๆ
เอาหัวลง หางชี้เข้าไปตรงมุมสามเหลี่ยมพอดี


(หากต้องการดูพระทั้งหมดในร้าน กดหน้าแรก ด้านบนเลยนะครับ)